สู่โลกใบนี้ที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดง

จากหน้าพาดหัวข่าวเรื่อง "แล้วสงครามก็กลับมาอีกครั้งในยุคสมัยของพวกเรา" 

     

     ในที่สุด ภายหลังจากสถานการณ์ตึงเครียดซึ่งเริ่มต้นขึ้นในแอฟริกาเหนือ จากการเคลื่อนกำลังทหารของราชอาณาจักรอิลิเชียน เข้าไปในอดีตอาณานิคมของราชอาณาจักรอัลเบียนเดิม ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นรัฐสังคมนิยม โดยไม่ฟังคำทัดทานจากพันธมิตรสำคัญอย่างจักรวรรดิฟรานเทียที่ 3 ได้กลายเป็นโอกาสอันดีสำหรับสหภาพอัลเบียนและพันธมิตร จะใช้เป็นข้ออ้างในการเปิดฉากโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว เพื่อทำลายจักรวรรดิซึ่งมีฐานะเป็นดั่งเสาหลัก ที่คอยยับยั้งกระแสอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติมาโดยตลอด 

     และด้วยเหตุนี้เอง ก่อนรุ่งสางของวันที่ 1 กันยายน 1939 เมืองและสถานที่ตั้งทางการทหาร บริเวณชายแดนทางตอนเหนือของจักรวรรดิได้รับความเสียหายจากบรรดาฝูงบินทิ้งระเบิด และการระดมยิงด้วยปืนใหญ่ ก่อนที่กองทัพปฏิวัติผสมขนาดใหญ่จะเคลื่อนพล ข้ามเส้นเขตแดนบุกลึกเข้าไปในแผ่นดินโดยคาดว่ามีเป้าหมายใหญ่อยู่ที่กรุงอาร์คเลย์ นครหลวงแห่งใหม่ของจักรวรรดิ 

     เมื่อนั้นสงครามครั้งใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น เหมือนดังที่อดีตหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารร่วมประจำกองทัพสัมพันธมิตร ในช่วงระหว่างมหาสงคราม พลตรีเซอร์ ริชาร์ด ดาลัน ได้เคยกล่าวไว้ในบันทึกสัมภาษณ์ความทรงจำหลังจบสงครามเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วว่า 

     "มหาสงครามจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่ ที่รุนแรง รวดเร็ว โหดร้ายและคร่าชีวิตผู้คนยิ่งกว่าเดิม ทำให้สิ่งที่เราคิดและเคยเชื่อกันมา ต้องเปลี่ยนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผมดีใจจริง ๆ หากว่า วันนั้นจะมาถึง โดยที่ตนเองไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว..."

     

เฟริเซีย, นักข่าวและคอลัมนิสต์ประจำสำนักข่าวเซนต์แกริด, สมาพันธ์เบิร์น

บทความหน้าหลังต่อจากพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งฉบับที่ 177 วันที่ 2 กันยายน 1939

     

     และในระหว่างที่สงครามได้เริ่มขึ้นและดำเนินไปอยู่นั่นเอง ด้วยความสามารถและทักษะเฉพาะตัวที่มี ก็ได้ทำให้นายทหารสัญญาบัตรจบใหม่ของจักรวรรดิฟรายเทียที่ 3 คนหนึ่งนามว่า เฟรเดอริก ไอเซน ค่อย ๆ ฉายแววที่อยู่ภายในตัวออกมา จนเป็นที่ยอมรับของบรรดาลูกน้องและนายทหารด้วยกัน จนถูกแต่งตั้งให้เป็นร้อยเอกประจำกองร้อยยานเกราะที่ 7 บนสมรภูมิเหนือผืนทรายของแอฟริกาเหนือ 

     ทว่า เพราะความก้าวหน้านี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้น นำพาให้ตัวเขาต้องเข้ามาพัวพันกับภารกิจลับ ที่ถูกมอบหมายมาจากเบื้องบน ภารกิจที่เขาจำเป็นจะต้องตัดสินใจเลือกว่าอะไรคือสิ่งสำคัญ ระหว่างการปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมา หรือว่า ชีวิตของคนที่เขารัก โดยมีชีวิตของเขาเองเป็นเดิมพัน!

-

     สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า แม้นามปากกาจะเป็น Bosporanchan (อ่านว่า บอส-ปอ-รัน-จัง) แต่ความจริงแล้วในความตั้งใจของผม ชื่อนี้นอกจากจะเป็นชื่อนามปากกาแล้ว Bosporanchan ยังเป็นชื่อของมาสคอตประจำตัวของผมเองอีกด้วย ฉะนั้นจึงได้ขอมาประกาศไว้ให้ทราบใน ณ ที่นี้ด้วย (คนอ่านบอก ใช่เรื่องที่ตูต้องรู้ไหมเนี่ย)  

     กลับมาที่ประเด็นหลัก นิยาย "สู่โลกใบนี้ที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดง" เรื่องนี้เป็นงานเขียนที่เกิดขึ้นจากการรวมกันของไอเดียเรื่องที่อยากทำในสมัยที่พึ่งเริ่มหัดเขียนนิยาย เข้ากับความชอบในไลท์โนเวลเรื่องหนึ่ง เพื่อใช้ในการส่งประกวดในโครงการประกวดนิยาย เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ซึ่งแม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นเรื่องที่ชนะการประกวดก็จริง แต่ก็ทำให้เห็นว่าเรื่องที่เขียนขึ้นมานั้น ก็มีคนที่สนอยู่เหมือนกัน บวกกับผมเองก็อยากจะสานต่อเรื่องราว ไปให้ถึงตอนจบที่คิดเอาไว้ จึงเป็นมาให้นำ สู่โลกใบนี้ที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงกลับมาเขียนใหม่อีกครั้ง 

       ที่อยากพูดในหน้านี้ก็มีเพียงเท่านี้ล่ะครับ จากนี้ไปก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจแวะเวียนเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ด้วย ท่านสามารถคอมเม้นท์แสดงความเห็น ติชมตามแต่ความรู้สึกหลังอ่านกันแล้วได้ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานเรื่องนี้กันด้วยครับ 

หมายเหตุ : เนื้อหาในซีชั่นแรกของนิยาย จะเป็นการเอาทยอยเอาต้นฉบับเดิมที่เคยเขียนมาลง โดยมีการปรับบางส่วนใหม่ประมาณ 10% กับแก้ไขคำผิดและปรับการตัดตอนใหม่ ฉะนั้นหากท่านใดที่เคยอ่านฉบับเก่าไปแล้ว หากไม่ได้สนใจว่ามีอะไรที่ถูกเปลี่ยนบ้าง สามารถข้ามไปเริ่มอ่านเนื้อหาใหม่ตั้งแต่ซีซั่นที่ 2 เป็นต้นไปได้เลย โดยจะมี edit บางอย่างสรุปไว้ให้เมื่อมีการกล่าวถึงในตอนนั้น ๆ 

หมายเหตุที่ 2 : นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ที่ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องสมมุติเท่านั้น ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วย